กติกาสงฆ์
กำหนดระเบียบการแต่งตั้งพระธรรมธร
พุทธศักราช ๒๔๘๘ [1]
———–
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ พระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก
ตราไว้ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘
——————
โดยที่เห็นเป็นการสมควรกำหนดระเบียบการแต่งตั้งพระธรรมธร ตามความในมาตรา ๒ (๒) แห่งประมวลระเบียบวิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ พุทธศักราช ๒๔๘๖
จึงมีพระบัญชาให้ตรากติกาสงฆ์ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา๑ กติกาสงฆ์นี้ ให้เรียกว่า “กติกาสงฆ์กำหนดระเบียบการแต่งตั้งพระธรรมธร พุทธศักราช ๒๔๘๘”
มาตรา ๒ ให้ใช้กติกาสงฆ์นี้ ตั้งแต่วันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้มีพระธรรมธรรูปหนึ่ง เป็นผู้บริหารส่วนรวมของพระธรรมธรจังหวัด เรียกโดยตำแหน่งว่า “หัวหน้าพระธรรมธร” ถ้าเป็นการสมควรจะให้มีผู้ช่วยด้วยก็ได้
มาตรา ๔ ในจังหวัดหนึ่ง ให้มีพระธรรมธรรูปหนึ่ง เรียกโดยตำแหน่งว่า “พระธรรมธรจังหวัด”
มาตรา ๕ ให้พระธรรมธรทุกประเภทเป็นพระคณาธิการสังกัดองค์การปกครอง
ส่วนที่ ๑
คุณสมบัติทั่วไปของพระธรรมธร
มาตรา ๖ พระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งพระธรรมธร ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติทั่วไป ดังนี้
(๑) มีความประพฤติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย
(๒) เป็นผู้ฉลาดสามารถในการบริหารการคณะสงฆ์ตามระบอบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
(๓) ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพลภาพไร้ความสามารถ หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(๔) ไม่เปนผู้อาพาธด้วยโรคอันน่ารังเกียจ มีโรคเรื้อน เป็นต้น หรือวรรณโรคในระยะอันตราย
(๕) ไม่เคยต้องคำวินิจฉัยลงโทษในอธิกรณ์ที่พึงรังเกียจมาก่อน
(๖) ไม่เคยถูกให้ออกจากตำแหน่งใด ๆเพาะความผิดมาก่อน
ส่วนที่ ๒
การแต่งตั้งพระธรรมธร
๑. หัวหน้าพระธรรมธรและผู้ช่วย
มาตรา ๗ พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพระธรรมธรหรือผู้ช่วย ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเฉพาะ ดังนี้
(๑) มีพรรษาพ้น ๑๐
(๒) เป็นเปรียญไม่ต่ำกว่า ๖ ประโยค และเป็นนักธรรมชั้นเอก
(๓) มีสำนักอยู่ในจังหวัดพระนครหรือธนบุรี
มาตรา ๘ ในการแต่งตั้งหัวหน้าพระธรรมธรหรือผู้ช่วย ให้สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง คัดเลือกพระภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติตามมาตรา ๖ และ ๗ แห่งกติกาสงฆ์นี้ มีจำนวน ๓ รูป เสนอคณะสังฆมนตรีพิจารณาเลือก ๑ รูป แล้วให้คณะสังฆมนตรีนำกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชเพื่อมีพระบัญชาแต่งตั้ง
มาตรา ๙ ถ้าหัวหน้าพระธรรมธรพ้นจากตำแหน่ง ให้สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองสั่งผู้ช่วยหัวหน้าพระธรรมธรให้รักษาการแทนในตำแหน่งหัวหน้าพระธรรมธรไปก่อน แล้วให้รีบดำเนินการตามมาตรา ๘ แห่งกติการสงฆ์นี้
๒. พระธรรมธรจังหวัด
มาตรา ๑๐ พระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งพระธรรมธรจังหวัด ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเฉพาะ ดังนี้
(๑) มีพรรษาพ้น ๕
(๒) เป็นเปรียญหรือเป็นนักธรรมชั้นเอก
(๓) มีสำนักอยู่ในจังหวัดที่ตนจะรับตำแหน่ง
มาตรา ๑๑ การแต่งตั้งพระธรรมธรจังหวัด ให้หัวหน้าพระธรรมธรคัดเลือกพระภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติตามมาตรา ๖ และมาตรา ๑๐ แห่งกติกาสงฆ์นี้มีจำนวน ๒ รูป เสนอ ก.ส.พ. พิจารณาเลือก ๑ รูป แล้วให้รายงานไปยังสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองเพื่อแต่งตั้ง
ถ้าหาพระภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเฉพาะตามมาตร ๑๐ แห่งกติการสงฆ์นี้ไม่ได้ ให้หัวหน้าพระธรรมธรสั่งพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควรให้รักษาการในตำแหน่งก่อน
มาตรา ๑๒ ถ้าพระธรรมธรจังหวัดพ้นจากตำแหน่ง ให้หัวหน้าพระธรรมธรสั่งพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควรให้รักษาการในตำแหน่งไปก่อน แล้วให้รีบดำเนินการมาตรา ๑๑ แห่งกติกาสงฆ์นี้
มาตรา ๑๓ ในกรณีที่พระธรรมธรไม่สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ได้ ถ้าเป็น
(๑) หัวหน้าพระธรรมธร ให้ผู้ช่วยหัวหน้าพระธรรมธรรักษาการแทน
(๒) พระธรรมธรจังหวัด ให้หัวหน้าพระธรรมธรสั่งพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควรในจังหวัดนั้น ๆ ให้รักษาการแทน เฉพาะจังหวัดพระนครและธนบุรี หัวหน้าพระธรรมธรจะรักษาการเองก็ได้
ส่วนที่ ๓
หน้าที่และอำนาจของพระธรรมธร
๑. หัวหน้าพระธรรมธร
มาตรา ๑๔ หัวหน้าพระธรรมธรมีหน้าที่ดังนี้
(๑) ปฏิบัติการตามที่กำหนดไว้ในกติกาสงฆ์นี้ และตามที่กำหนดไว้ในระเบียบ
วิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ แทนหรือช่วยพระธรรมธรจังหวัดในชั้นอุธรณ์และฎีกา
(๒) ให้คำแนะนำหรือคำชี้แจงแก่พระธรรมธรจังหวัด
(๓) รายงานผลแห่งการปฏิบัตืงานในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินอธิกรณ์ในหน้าที่ของพระธรรมธร ตามระเบียบซึ่งจะได้วางไว้ และมีอำนาจดังนี้
๑) ดำเนินอธิกรณ์ได้ในคณะวินัยธรทุกชั้น
๒) สั่งการในงานธุรการ หรือในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามประมวลระเบียบวิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ อันมิได้กำหนดไว้ว่าเป็นหน้าที่ของผู้ใดจะพึงปฏิบัติโดยเฉพาะ
๓) สั่งพักพระธรรมธรจังหวัดจากตำแหน่งหน้าที่ได้
๒. พระธรรมธรจังหวัด
มาตรา ๑๕ พระธรรมธรจังหวัดมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
(๑) มีหน้าที่และอำนาจตามประมวลระเบียบ วิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ซึ่งบัญญัติไว้ว่าเป็นหน้าที่และอำนาจพระธรรมธร
(๒) มีหน้าที่และอำนาจดำเนินอธิกรณ์ในจังหวัดที่ได้รับแต่งตั้งให้ประจำ เว้นแต่
ก. ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าพระธรรมธรให้ช่วยดำเนินอธิกรณ์ในจังหวัด อื่น เป็นการชั่วคราว
ในกรณีเช่นนี้ เมื่อหัวหน้าพระธรรมธรได้รับแจ้งให้คณะวินัยธรชั้นต้นซึ่งเป็นเจ้าของเขตอำนาจในจังหวัดที่ได้ไปช่วยนั้นทราบแล้ว พระธรรมธรจังหวัดรูปนั้นย่อมมีอำนาจดำเนินอธิกรณ์ในคณะวินัยธรชั้นต้นตลอดถึงชั้นอุธรณ์และฎีกา
ข. เมื่ออธิกรณ์ใด ที่พระธรรมธรจังหวัดในจังหวัดอื่น นอกจากจังหวัดพระนครและธนบุรี ได้ดำเนินไว้ในคณะวินัยธรชั้นต้นชั้นอุธรณ์หรือชั้นฎีกา พระธรรมธรจังหวัดจะมอบให้หัวหน้าพระธรรมธรดำเนินอธิกรณ์แทนก็ได้ และเมื่อมีการมอบกันแล้ว ให้หัวหน้าพระธรรมธรแจ้งไปยังหัวหน้าคณะวินัยธรชั้นอุธรณ์หรือประธานคณะวินัยธรทราบ
ค. ในอธิกรณ์ที่คณะวินัยธรส่งประเด็นไปสืบพยานยังคณะวินัยธรอื่น พระธรรมธรจังหวัดแห่งจังหวัดนั้น หรือพระธรรมธรจังหวัดผู้ดำเนินอธิกรณ์มาแต่ต้น มีอำนาจดำเนินอธิกรณ์ในคณะวินัยธรที่สืบพยานสี้นได้
ส่วนที่ ๔
การพ้นตำแหน่งหน้าที่
มาตรา ๑๖ พระธรรมธรย่อมพ้นตำแหน่งหน้าที่ เมื่อ
(๑) ถึงมรณภาพ
(๒) พ้นจากความเป็นภิกษุ
(๓) ยกเป็นกิตติมศักดิ์
(๔) ลาออก และได้รับอนุมัติแล้ว
(๕) ให้ออก
มาตรา ๑๗ ให้นำลักษณะ ๔ อันว่าด้วยจริยาพระคณาธิการในสังฆาณัติระเบียบพระคณาธิการมาบังคับใช้โดยอนุโลม
มาตรา ๑๘ ให้สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง รักษาการตามกติกาสงฆ์นี้ และให้มีอำนาจวางระเบียบเพื่อปฎิบัติการให้เป็นไปตามกติกาสงฆ์นี้
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘
ผู้รับสนองพระบัญชา
พระเทพเวที
สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง
รักษาการแทนสังฆนายก
[1] ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๓๓ เดือนกรกฎาคม และเดือนกันยายน ๒๔๘๘ หน้า ๑-๘
Views: 48