ประกาศมหาเถรสมาคม เรื่อง ทบทวนหรือฟื้นฟูการบำเพ็ญกัมมัฏฐาน พ.ศ.๒๕๒๖

ประกาศมหาเถรสมาคม

เรื่อง ทบทวนหรือฟื้นฟูการบำเพ็ญกัมมัฏฐาน

หรือจิตตภาวนา ในฤดูเข้าพรรษา

พ.ศ. ๒๕๒๖[1]

—————

      ด้วยมหาเถรสมาคมได้พิจารณาว่าหลักการศึกษาในพระพุทธศาสนาอันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ๓ ประการ เรียกย่อว่า ศีล สมาธิปัญญา มีชื่อรวมเรียกว่าไตรสิกขา กัมมัฏฐานก็ดี จิตตภาวนาก็ดี อยู่ในกรอบหรือขอบเขตของสมาธิและปัญญา ส่วนกัมมัฏฐานฝ่ายสมถะหรือจิตตภาวนาสมาธิ อันภิกษุสามเณรทุกรูปเคยศึกษามาแล้วจากพระอุปัชฌาย์ตั้งแต่วันบวช ซึ่งมีชื่อเรียกว่ามูลกัมมัฏฐานหรือตจปัญจกกัมมัฏฐาน ที่รู้กันทั่วไปว่ากัมมัฏฐษน ๕ ประการ

      การบำเพ็ญกัมมัฏฐาน หรือการบำเพ็ญจิตตภาวนา ผลที่ประจักษ์ชัดอย่างน้อยจะเป็นการเพิ่มพูนกำลังใจให้มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น มิให้หวั่นไหวไปตามอารมณ์ที่มากระทบ ทั้งส่วนที่น่าปรารถนาและไมท่น่าปรารถนา  มีสติคุมใจให้ตั้งมั่นอยู่ได้ และจะได้ผลทางจิตใจเป็นอย่างมาก อันผู้บำเพ็ญด้วยความตั้งใจจะรู้สึกได้ด้วยตนอง นอกจากนี้จะเป็นฐานให้เกิดดวงปัญญาอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ภิกษุสามเณรพึงฟื้นฟู และใส่ใจเพื่อถวายเป็นปฏิบัติบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอภิลักขิตกาลเข้าพรรษาศกนี้

      การบำเพ็ญกัมมัฏฐานหรือจิตตภวานานั้น จะบำเพ็ญเป็นการเฉพาะตัว  หรือบำเพ็ญรวมกันเป็นหมู่คณะก็ได้ การบำเพ็ญรวมกันเป็นหมู่คณะสำหรับภิกษุสามเณรเวลาที่เหมาะที่สุด น่าจะเป็นเวลาทำวัตรและหรือสวดมนจบแล้ว จะเป็นเวลาเช้าหรือเย็นหรือค่ำก็สุดแต่ความเหมาะสม โดยใช้เวลาบำเพ็ญในระยะเริ่มต้นประมาณวันละ ๕-๑๐ นาที และค่อย ๆ เพิ่มตามระยะเวลาเป็น ๑๕-๒๐-๒๕-๓๐ นาทีหรือจะมากกว่านั้นก็สุดแต่อัธยาศัย

      ครั้นเมื่อเสร็จการบำเพ็ญกัมมัฏฐานหรือจิตตภาวนาแล้ว ไม่ควรยุติเพียงเท่านี้ สมควรแผ่เมตตาจิตและตั้งอธิษฐานจิตในใจต่อไป คือ

การแผ่เมตตา

      เมื่อเสร็จการบำเพ็ญกัมมัฏฐานหรือจิตภาวนาแล้ว พึงตั้งใจให้แน่วแน่ แผ่เมตตาจิตแก่สัตว์ทั่วไป โดยไม่มีกำหนดประมาณ ดังนี้

      สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ

      สพฺเพ สตฺตา อพฺยาปชฺฌา โหนฺตุ

      สพฺเพ สตฺตา อนีฆา โหนฺตุ

      สพฺเพ สตฺตา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ

การตั้งอธิษฐานจิต

      เมื่อเสร็จการแผ่เมตตาจิตแล้ว พึงสำรวมใจให้แน่วแน่ตั้งอธิษฐานจิตให้แก่สถาบันทั้ง ๓ และประชาชนชาวไทยทั่วไป ดังนี้

      ขอให้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ยืนยงดำรงมั่น เป็นหลักชัยของไทย       

      ปราศจากภัยพิบัติ อุปัทวันตรายทั้งสิ้น

      ขอให้ประชาชนบนพื้นแผ่นดินไทยจงอยู่เย็นเป็นสุข

      ปราศจากความเดือดร้อนนอนทุกข์ จงมั่งมีศรีสุข

      ปราศจากความยากจนเข็ญใจ  พ้นจากภัยพิบัติอุปัทวันตรายทั้งปวง เทอญ.

      ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖

สมเด็จพระอริยวงศาสตญาณ

สมเด็จพระสังฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


[1]  จากแถลงการคณะสงฆ์ เล่ม ๗๑ ตอนที่ ๘ :  ๒๕ สิงหาคม ๒๕๒๖

Hits: 8