ส่วนที่ ๑
หลักทั่วไป
——————-
ในส่วนนี้ มีหลักสำคัญ ๔ ประเด็น คือ.-
๑. การพิจาณาวินิจฉัยการลงนิคกรรม
๒. คณะผู้พิจารณาชั้นต้น
๓. คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์
๔. คณะผู้พิจารณาชั้นฎีกา
๑. การพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรม
ในข้อ ๒๓ กำหนดฐานแห่งอำนาจตุลาการทางคณะสงฆ์ เช่นเดียวกับศาลยุติธรรมทางราชอาณาจักร โดยบัญญัติศัพท์ว่า “การพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคกรรม” จำแนกเป็น ๓ ชั้น คือ.-
๑. ชั้นต้น
๒. ชั้นอุทธรณ์
๓. ชั้นฎีกา
๒. คณะผู้พิจาณาชั้นต้น
ในข้อ ๒๔ กำหนดผู้ใช้อำนาจตุลาการชั้นต้น โดยบัญญัตินามตำแหน่งว่า “คณะผู้พิจารณาชั้นต้น” ซึ่งประกอบด้วยพระภิกษุผู้ปกครองสงฆ์คณะละ ๓ ตำแหน่งซึ่งผู้มีตำแหน่งสูงเป็นหัวหน้า จัดเป็น ๗ อันดับ ดังได้กล่าวในข้อ ๗ แห่งลักษณะ ๒ (ดูผังหน้าถัดไปประกอบ)
๓. คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์
ในข้อ ๒๕ กำหนดผู้ใช้อำนาจตุลาการชั้นอุทธรณ์โดยบัญญัตินามตำแหน่งว่า “คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์” ประกอบด้วยพระภิกษุผู้ปกครองสงฆ์เจ้าสังกัด อันดับละ ๓ ตำแหน่ง ซึ่งผู้มีตำแหน่งสูงเป็นหัวหน้า จัดเป็น ๔ อันดับ คือ.-
๑. คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์ อันดับ ๑
(๑) เจ้าคณะภาค เป็นหัวหน้าคณะ
(๒) เจ้าคณะจังหวัด
(๓) รองเจ้าคณะจังหวัด
มีอำนจพิจารณาวินิจฉัยคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของชั้นต้น อันดับ ๑-๒
๒. คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์ อันดับ ๒
(๑) เจ้าคณะใหญ่ เป็นหัวหน้าคณะ
(๒) เจ้าคณะภาค
(๓) รองเจ้าคณะภาค
มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคำสั่งหรือคำวิฉัยของชั้นต้น อันดับ ๓
๓. คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์ อันดับ ๓
(๑) เจ้าคณะใหญ่ เป็นหัวหน้าคณะ
(๒) เจ้าคณะภาคในหนนั้น ๒ รูป (ซึ่งเจ้าคณะใหญ่คัดเลือก
มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของชั้นต้น อันดับ ๔
๔. คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์ อันดับ ๔ คือ มหาเถรสมาคม
มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคำสั่งหรอคำวินิจฉัยของชั้นต้น อันดับ ๕
๔. คณะผู้พิจารณาชั้นฎีกา
ในข้อ ๒๖ กำหนดให้มหาเถรสมาคมเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการในชั้นฎีกา
ในข้อ ๒๗ เป็นบทบัญญัติให้อำนาจมหาเถรสมาคมใช้อำนาจตุลาการในอันดับสูงสุดทุกกรณี โดยบัญญัติว่า “คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของมหาเถรสมาคม ในการพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรม ไม่ว่าในกรณีใด ได้เป็นอันถึงที่สุด”
หมายความว่า มหาเถรสมาคมจะมีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยในชั้นต้น หรือในชั้นอุทธรณ์ ก็มีผลบังคับเช่นเดียวกับในชั้นฎีกา
