ประกาศกรมการศาสนา
เรื่อง การเรียกคำนำหน้าชื่อของพระสงฆ์[1]
—————-
โดยที่กรมการศาสนาพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันนี้ การเรียกคำนำหน้าพระสงฆ์ยังเรียกกันสับสนไม่เป็นที่ยุติแน่นอนเป็นอย่างเดียว โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ยังไม่มีสมณศักดิ์ ยังใช้คำนำหน้าเรียกชื่อว่า “พระภิกษุ” ก็มี “พระ….”ก็มี สมควรที่จะได้ใช้คำนำหน้าเรียกชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เป็นการแน่นอน ทั้งนี้เพื่อจะได้ถือปฏิบัติเป็นหลักอันเดียวกัน สำหรับพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์นั้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะใช้เรียกชื่อตามราชทินนามสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานอยู่แล้ว จึงได้ตรวจสอบเรื่องราวประเพณีในหนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ และตามเชิงอรรถข้อ ๑๕ อันเป็นนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ในหนังสือพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ แล้วนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณา มหาเถรสมาคมในการประชุม ครั้งที่ ๑๕/๒๕๒๗ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๒๗ พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบตามที่กรมการศาสนาเสนอ และให้ถือเป็นหลักปฏิบัติ ดังนี้
๑. พระภิกษุธรรมดาทั่วไป ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “พระ” เช่น พระสวัสดิ์ ควรต่อท้ายด้วยฉายา เป็น พระสวัสดิ์ สิริปุญฺโญ แต่ถ้าเป็นเปรียญตั้งแต่ ๓ ประโยคขึ้นไป ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “พระมหา” ต่อท้ายด้วยฉายา เช่น พระมหาสวัสดิ์ สิริปุญฺโญ
๒. ถ้าเป็นเจ้าอาวาส ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “พระอธิการ” ต่อท้ายด้วยฉายา เช่น พระอธิการสวัสดิ์ สิริปุญฺโญ
๓. ถ้าเป็นเจ้าคณะตำบล หรือเป็นพระอุปัชฌาย์ ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อว่า “เจ้าอธิการ” ต่อท้ายด้วยฉายา เช่น เจ้าอธิการสวัสดิ์ สิริปุญฺโญ
กรมการศาสนาจึงขอประกาศให้ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อพระภิกษุธรรมดาทั่วไป “พระ….” ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อเจ้าอาวาสที่ไม่มีสมณศักดิ์ว่า “พระอธิการ…” ใช้คำนำหน้าเรียกชื่อเจ้าคณะตำบลและพระอุปัชฌาย์ที่ไม่มีสมณศักดิ์ว่า “เจ้าอธิการ…” ต่อท้ายชื่อด้วยฉายา ตามระเบีบการคณะสงฆ์ให้เป็นแบบเดียวกันต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗
นายชำเลือง วุฒิจันทร์
อธิบดีกรมการศาสนา
[1] จากแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๗ : ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๗