หมวดที่ ๓ ว่าด้วยวัด

หมวดที่ ๓

ว่าด้วยวัด

————

      มาตรา ๕ กำหนดเรื่องวัดว่า :- วัดมี ๓ อย่างคือ พระอารามหลวง ๑ อารามราษฎร์ ๑ ที่สำนักสงฆ์ ๑ พร้อมขยายความให้ชัดเจนขึ้น ดังนี้:

             ๑. พระอารามหลวง คือวัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง  หรือทรงพระกรุณาโปรดให้รับเข้าบัญชีเป็นพระอารามหลวง

             ๒. อารามราษฎร์ คือ วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา แต่มิได้เข้าบัญชีพระอารามหลวง

             ๓. ที่สำนักสงฆ์ คือ วัดซึ่งยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา

      มาตรา ๖ กำหนดที่วัดและที่ขึ้นวัดนั้นไว้ ๓ อย่าง คือ ที่วัด ๑ ที่ธรณีสงฆ์ ๑        ที่กัลปนา ๑ แล้วขยายความไว้ว่า

             ๑) ที่วัด คือ ที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตวัดนั้น

             ๒) ที่ธรณีสงฆ์ คือ ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด

             ๓) ที่กัลปนา คือ

                   (๑) ที่พระเจ้าแผ่นดินทรงอุทิศเงินอากรค่าที่แห่งนั้นให้แก่วัด หรือ

                   (๒) ที่ซึ่งเจ้าของถวายอุทิศประโยชน์อันเกิดแต่ที่ดินให้แก่วัด

      มาตรา ๗ กำหนดการดูแลรักษาที่วัดและที่ธรณีสงฆ์

             ๑) ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ เป็นสมบัติของพระศาสนา

             ๒) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอัครศาสนูปถัมภก ทรงปกครองรักษาโดยพระบรมเดชานุภาพ

             ๓) ผู้ใดผู้หนึ่งจะโอนกรรมสิทธิ์นั้นไม่ได้

      อนึ่ง มีพระนิพนธ์เป็นเชิงอรรถว่า “มิใช่ห้ามเด็ดขาด ที่เคยพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โอนได้ก็มี  แปลว่าทำตามลำพังไม่ได้  ต้องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต”

      มาตรา ๘ กำหนดเรื่องวัดร้าง

             ๑) วัดร้างคือวัดที่สงฆ์ไม่อาศัย

             ๒) ให้เจ้าพนักงานของพระราชอาณาจักร เป็นผู้ปกครองรักษาวัดนั้นพร้อมทั้งที่ธรณีสงฆ์

      มีพระนิพนธ์เป็นเชิงอรรถว่า “ร้างตามลำพัง หรือมีรูปเดียวหรือน้อยรูป เจ้าคณะไม่เห็นสมควรจะตั้งสั่งถอนไปเข้ากับวัดอื่นเสีย” โดยนัยนี้เจ้าคณะจัดการได้เอง

     มาตรา ๙ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสร้างวัดว่า ต้องขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก่อนจึงจะสร้างวัดได้ โดยจะพระราชทาน  ดังนี้

      ข้อ ๑ การสร้างวัดใหม่ ให้มีจดหมายขอต่อนายอำเภอท้องที่ ให้นายอำเภอปรึกษากับเจ้าคณะแขวง โดยให้ตรวจและวิเคราะห์ข้อความนี้ก่อน

      ๑) ที่ดินแห่งนั้น ผู้ขอมีอำนาจที่จะยกให้หรือไม่

      ๒) จะเป็นความขัดข้องอันใดในทางพระราชอาณาจักรหรือไม่

      ๓) จะเป็นที่สงฆ์ควรอาศัยหรือไม่

      ๔) จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในท้องที่หรือไม่

      ๕) จะเสื่อมประโยชน์แก่พระศาสนาด้วยประการใดหรือไม่

      ถ้าเห็นพร้อมกันว่าไม่ขัดข้องอย่างใดอย่างหนึ่ง มีพระบรมราชานุญาตให้เจ้าคณะแขวงทำหนังสืออนุญาตให้สร้างที่สำนักสงฆ์นั้นได้ โดยให้นายอำเภอประทับตรากำกับในหนังสืออนุญาต และเจ้าของที่ดินต้องโอนโฉนดที่ดินตามกฎหมายก่อนจึงจะสร้างที่สำนักสงฆ์ได้

      ข้อ ๒ การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ทั้งวัดเดิม ทั้งที่สร้างใหม่ เมื่อพร้อมขอ ให้ผู้ขอทำจดหมายยื่นต่อผู้ว่าราชการเมือง เพื่อมีใบบอกกราบทูล ถ้าจังหวัดกรุงเทพฯ ให้ยื่นต่อกระทรวงธรรมการ เพื่อให้นำกราบบังคมทูล เพื่อจะได้พระราชทานใบพระบรมราชานุญาต

      ข้อ ๓ ถ้าจะสร้างอารามขึ้นใหม่ ต้องขออนุญาตสร้างที่สำนักสงฆ์ก่อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาได้

      ในมาตรา ๙ นี้ มีพระนิพนธ์เป็นเชิงอรรถกำกับไว้อธิบายข้อความที่ต้องตรวจและพิเคราะห์ไว้ พึงศึกษาให้ชัดเจน พึงตรวจดูประกอบได้

Views: 29