หมวด ๖ บทกำหนดโทษ

หมวด  ๖

บทกำหนดโทษ

—————

     คำว่า โทษ ในหมวดนี้ เป็นโทษทางอาญา มิใช่โทษทางพระวินัย โทษอาญาในหมวดนี้ อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการฝ่าฝืน การนิคหกรรม และการสละสมณเพศ เกี่ยวกับการเคยต้องอาบัติปาราชิก และเกี่ยวกับคณะสงฆ์ บัญญัติไว้เพื่อป้องกันความเสื่อมเสียอันอาจเกิดขึ้นแก่คณะสงฆ์ และเพื่อให้ความสะดวกแก่เจ้าคณะ เจ้าอาวาสและเจ้าหน้าที่ฝ่ายราชอาณาจักรที่จะช่วยอุปถัมภ์การคณะสงฆ์ มี ๓ มาตรา คือ

     ๔๗. มาตรา ๔๒ เป็นบทบัญญัติใหม่ กำหนดโทษเกี่ยวกับเรื่องพระอุปัชฌาย์ ความว่า ผู้ใด

           ๑) มิได้แต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ตามมาตรา ๑๘ หรือ

           ๒) ถูกถอนจากความเป็นพระอุปัชฌาย์ ตามมาตรา ๒๓

           ๓) กระทำการบรรพชาอุปสมบทแก่บุคคลอื่น

           ๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี

     ๔๘. มาตรา ๔๓ เป็นบทบัญญัติใหม่ กำหนดโทษฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ว่า ผู้ใด

           ๑) ฝ่าฝืนมาตรา ๑๕ จัตวา วรรคสอง หรือ

           ๒) ฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ หรือ

           ๓) ฝ่าฝืนมาตรา ๒๗ วรรคสาม หรือ

           ๔) ฝ่าฝืนมาตรา ๒๘

           ๕) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี

     ๔๙. มาตรา ๔๔ เป็นบทบัญญัติใหม่ กำหนดโทษปิดบังความจริง ว่า ผู้ใด

           ๑) พ้นจากความเป็นพระภิกษุเพราะต้องปาราชิกมาแล้ว จะมีคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ หรือไม่ก็ตาม

           ๒) มารับบรรพชาอุปสมบทใหม่โดยกล่าวเท็จ หรือปิดบังความจริงต่อพระอุปัชฌาย์

           ๓) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี

     ๕๐. มาตรา ๔๔ ทวิ เป็นบทบัญญัติใหม่ กำหนดโทษเพราะผิดต่อสมเด็จพระสังฆราช มีข้อกำหนดว่า ผู้ใด

           ๑) หมิ่นประมาทสมเด็จพระสังฆราช หรือ

           ๒) ดูหมิ่นสมเด็จพระสังฆราช หรือ

           ๓) แสดงความอาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช

           ๔) ต้องระวางโทษ

                (๑) จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ

                (๒) ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท  หรือ

                (๓) ทั้งจำทั้งปรับ

     ๕๑. มาตรา ๔๔ ตรี เป็นบทบัญญัติใหม่ กำหนดว่า ผู้ใด

           ๑) ใส่ความคณะสงฆ์ หรือ

           ๒) ใส่ความคณะสงฆ์อื่น

           ๓) อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือความแตกแยก

           ๔) ต้องระวางโทษ

                (๑) จำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือ

                (๒) ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท  หรือ

                (๓) ทั้งจำทั้งปรับ