กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๔๖)

กฎมหาเถรสมาคม

ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติม

กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑)

ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ *

———————–

         อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี และมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถรสมาคมไว้ดังต่อไปนี้

         ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ.๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๔๑)ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ”

         ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป

         ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อความในข้อ ๓๔ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

              “การแต่งตั้งที่ปรึกษาเจ้าคณะตามข้อ ๒๙ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓(พ.ศ.๒๕๔๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ.๒๕๔๖)ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปดังนี้

             พระสังฆาธิการผู้ดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และรองเจ้าคณะตำบล ได้ปฏิบัติหน้าที่มาโดยเรียบร้อยจนมีอายุครบ ๘๐ ปี บริบูรณ์ หรือผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นสมควรยกย่องเชิดชู ให้ยกย่องเชิดชูเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะในชั้นนั้น ๆ พระสังฆาธิการผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตามความในวรรคสอง ที่มีอายุครบ ๘๐ ปี บริบูรณ์ แต่ไม่ทุพพลภาพ หรือพิการ ถ้ายังมีความเหมาะสม หรือยังหาผู้ดำรงตำแหน่งในชั้นนั้น ๆ ไม่ได้ หรือได้แต่ไม่เหมาะสม มหาเถรสมาคมจะพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งเดิมต่อไปอีกไม่เกิน ๓ ปี เฉพาะกรณี

              การแต่งตั้งที่ปรึกษาตามความในวรรคสอง หรือให้ดำรงตำแหน่งเดิมตามความในวรรคสาม ให้ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเสนอตามลำดับจนถึงมหาเถรสมาคมพิจารณา เพื่อมีพระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม

              ในกรณีพระสังฆาธิการผู้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัดขึ้นไปเห็นสมควรยกย่องเชิดชูพระสังฆาธิการรูปใดให้เป็นที่ปรึกษาในชั้นนั้น ๆ ให้ดำเนินการเสนอตามลำดับ จนถึงมหาเถรสมาคมพิจารณา เพื่อมีพระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม”

ตราไว้ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

สมเด็จพระญาณสังวร

(สมเด็จพระญาณสังวร)

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


*  จากแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๙๑ ตอนที่ ๑๐ : ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๖