กฎองค์การปกครอง
ว่าด้วยระเบียบการแต่งตั้งพระอุปัชฌายะ
ออกตามความในมาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๒ แห่งสังฆาณัติ
ระเบียบพระอุปัชฌายะ พุทธศักราช ๒๔๘๗ [1]
———————-
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๒ แห่งสังฆาณัติระเบียบพระอุปัชาชายะ พุทธศัดราช ๒๔๘๗ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองออกกฎไว้ ดังต่อไปนี้
หน้าที่ผู้ขอแต่งตั้งพระอุปัชฌายะ
ข้อ ๑ พระคณาธิการซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๒ แห่งสังฆาณัติ จะพึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌายะสามัญนั้นต ให้เป็นหน้าที่ของพระคณาธิการผู้บังคับบัญชาปฏิบัติต่อไปดังนี้
(๑) ตั้งเจ้าอาวาส หรือรองเจ้าอาวาส หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌายะ ให้เจ้าคณะตำบลเป็นผู้เสนอรายงานรับรองขอแต่งตั้ง
(๒) ตั้งเจ้าคณะตำบลเป็นพระอุปัชฌายะให้คณะกรรมการสงฆ์อำเภอเป็นผู้เสนอรายงานรับรองขอแต่งตั้ง
(๓) ตั้งกรรมการสงฆ์ชั้นจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ หรืกรรมการสงฆ์ชั้นอำเภอ ให้คณะกรรมการสงฆ์จังหวัดเป็นผู้เสนอรายงานรับรองขอแต่งตั้ง
ข้อ ๒ ในการขอแต่งตั้ง ให้แจ้ง ชื่อ ฉายา อายุ พรรษา วัออำเภอ จังหวัด วิทยฐานะ ตำแหน่ง
ข้อ ๓ การรายงานรับรองขอแต่งตั้งนั้น ให้เป็นไปโดยลำดับจนถึงเจ้าคณะตรวจการ
การฝึกซ้อมอบรม
หรือสอบความรู้พระอุปัชฌายะ
ข้อ ๔ วิธีการฝึกอบรม หรือสอบความรู้พระอุปัชฌายะนั้น ดังนี้
(๑) หน้าที่ของเจ้านาค เช่นการว่าขานนาค
(๒) หน้าที่ของพระกรรมวาจาจารย์ เช่นสวดญัตติ อนุสาวนา ได้ตล่องแคล่วเป็นอักษรสมบัติ
(๓) หน้าที่ของพระอุปัชฌายะ คือ สอนนาค สอนกรรมฐาน ให้ผ้า ให้นิสัย บอกบริขาร เผดียงสงฆ์ซึ่งเรียกว่าอปโลกน์ และบอกอนุศาสน์
(๔) สมบัติ คือ วัตถุ สีมา ปริส กรรมวาจา และวิบัติ
(๕) บริขารที่สำคัญขาดไม่ได้
(๖) การนับอายุอุปสัมปทาเปกข์ และการตั้งฉายาตามวันเกิด
(๗) การสวดนาคเดี่ยว หรือหลายนาค ต้องสมมติให้สวด เพื่อรู้จักเปลี่ยนวิภัตติและการันต์เฉพาะที่ใช้ในกรรมวาจา
(๘) การนับเวลาสำเร็จญัตติจตุตถกรรมและการออกหนังสุทธิ
(๙) หน้าที่พระอุปัชฌาย์ตามสังฆาณัติระเบียบพระอุปัชฌายะตั้งแต่มาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๑๗
(๑๐) เขตพระอุปัชฌายะ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๐ แห่งสังฆาณัตินั้น
ข้อ ๕ ถ้ามิได้กำหนดเป็นอย่างอื่น การฝึกซ้อมอบรมนั้นให้เป็นไปตามวิธีการให้บรรพชาอุปสมบทแห่งลัทธินิกายสงฆ์
ข้อ ๖ ให้เป็นหน้าที่เจ้าคณะตรวจการ เป็นผู้เรียกฝึกซ้อมอบรมหรือสอบความรู้พระอุปัชฌายะ แต่ถ้าเห็นเป็นการสมควร โดยความรับผิดชอบของตน จักอนุมัติให้พระภิกษุรูปอื่น เป็นผู้ฝึกซ้อมหรือสอบความรู้ก็ได้ แล้วแต่กรณี
การส่งบัญชีสัทธิวิหาริก
ข้อ ๗ ให้พระอุปัชฌายะทำบัญชีภิกษุสามเณร ที่บรรพชาอุปสมบทใหม่ในรอบปีหนึ่ง ๆ ส่งเจ้าคณะผู้บังคับบัญชาเหนือ ตามกำหนด ดังนี้
(๑) ส่งคณะกรรมการสงฆ์อำเภอก่อนวันสิ้นเดือน ๘ ของปี
(๒) คณะกรรมการสงฆ์อำเภอส่งคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดก่อนวันกลางเดือน ๙ ของปี
(๓) คณะกรรมการสงฆ์ส่งเจ้าคณะตรวจการก่อนวันกลางเดือน ๑๐ ของปี
(๔) เจ้าคณะตรวจการส่งสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองก่อนวันสิ้นเดือน ๑๐ ของปี
ข้อ ๘ การทำบัญชีสัทธิวิหาริก ให้ทำตามแบบบัญชีต่อท้ายกฎนี้
กฎให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๘๘
พระอุบาบีคุณูปมาจาจารย์
สังฆมนตรีว่าการองการการปกครอง
[1] จากแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๓๓ ภาค ๓ หน้า ๑๒๖ พ.ศ.๒๔๘๘
Views: 76