ระเบียบมหาเถรสมาคม
ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์
พ.ศ.๒๕๓๙ [1]
—————————
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมวางระเบียบมหาเถรสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “ระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ.๒๕๓๙”
ข้อ ๒ ระเบียบมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ตั้งแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิกระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ.๒๕๒๓
ข้อ ๔ วัดที่สมควรขอพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องมีลักษณะทั่วไป ดังนี้
(๑) วัดที่มีเสนาสนะหรือปูชนียสถานที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์เป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นหลักฐานมั่นคง หรือมีการพัฒนาวัดเป็นระเบียบ สะอาด ร่มรื่น
(๒) ที่ดินที่ตั้งวัดมีบริเวณกว้างขวางพอสมควร ไม่คับแคบเกินไป มีความปลอดภัย และการคมนาคมสะดวก
(๓) ประชาชนบำรุงวัดมีความพร้อมเพรียงสมานฉันท์ให้การสนับสนุนแก่วัดเป็นอย่างดี
(๔) การปกครองพระภิกษุสามเณรภายในวัดเป็นระเบียบเรียบร้อยตามธรรมวินัย กฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง มติ และประกาศของมหาเถรสมาคม มีการจัดการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ ตามระเบียบแบบแผนของคณะสงฆ์เป็นอย่างดี
(๕) เจ้าอาวาสเป็นผู้ทรงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ในถิ่นนั้น
ข้อ ๕ การขอพระราชทานอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถ ให้เจ้าอาวาสทำรายงานเสนอเจ้าคณะผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นและนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับบัญชาทหารในท้องถิ่นนั้น (ถ้ามี) จนถึงเจ้าคณะใหญ่ตามแบบท้ายระเบียบนี้ พร้อมด้วยสำเนาประกาศพระราชทานวิสุงคามสีมา สำเนารายงานการประชุมของคณะกรรมการจัดงานวัด ประวัติวัด ประวัติเจ้าอาวาสปัจจุบัน และภาพถ่ายอุโบสถ อย่างละ ๒ ชุด
ข้อ ๖ การขอพระราชทานอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ วิหาร หรือศาลาการเปรียญ ทรงเททองหล่อพระพุทธรูป หรือทรงประกอบพิธีอื่น ๆ ให้เจ้าอาวาสทำรายงานเสนอเจ้าคณะผู้บังคับบัญชา ตามลำดับชั้นและนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับบัญชาทหารในท้องถิ่นนั้น (ถ้ามี) จนถึงเจ้าคณะใหญ่ตามแบบท้ายระเบียบนี้ พร้อมด้วยสำเนาประกาศพระราชทานวิสุงคามสีมา สำเนารายงานการประชุมของคณะกรรมการจัดงานวัด ประวัติวัด ประวัติเจ้าอาวาสปัจจุบัน ภาพถ่ายอุโบสถหรือเสนาสนะ อย่างละ ๒ ชุด
ข้อ ๗ การขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญอักษรพระปรมาภิไธย หรืออักษรพระนามาภิไธย เพื่อประดิษฐานที่หน้าบันอุโบสถ หรือเสนาสนะอื่นใด หรือบนผ้าทิพย์ของพระพุทธรูป ให้เจ้าอาวาสทำรายงานเสนอเจ้าคณะผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จนถึงเจ้าคณะใหญ่ตามแบบท้ายระเบียบนี้ พร้อมด้วยประวัติวัด ซึ่งมีหลักฐานการเสด็จพระราชดำเนิน หรือทรงเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัดนี้ในอดีต ประวัติเจ้าอาวาสปัจจุบัน พร้อมภาพถ่ายอุโบสถ เสนาสนะ หรือพระพุทธรูป อย่างละ ๒ ชุด
ข้อ ๘ การขอพระราชทานพระนามพระพุทธรูปหรือนามศาสนวัตถุ หรือศาสนสถาน ให้เจ้าอาวาสทำรายงานเสนอเจ้าคณะผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จนถึงเจ้าคณะใหญ่ พร้อมด้วยประวัติการสร้าง และภาพถ่ายพระพุทธรูป หรือศาสนวัตถุ หรือศาสนสถานนั้น ประวัติวัด ประวัติเจ้าอาวาสปัจจุบัน พร้อมภาพถ่ายพระพุทธรูป ศาสนวัตถุ หรือศาสนสถาน อย่างละ ๒ รูป
ข้อ ๙ รายงานการขอพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ตามข้อ ๕ หรือข้อ ๖ ให้เจ้าคณะผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับบัญชาทหารในท้องถิ่นนั้น (ถ้ามี) พิจารณาให้ความเห็นชอบ หรือความเห็นควรสนับสนุนในการขอพระราชทานอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนิน และตามข้อ ๗ หรือข้อ ๘ ให้เจ้าคณะผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือความเห็นควรสนับสนุนในการขอพระราชทานลงในรายงานนั้นแล้วให้เจ้าคณะใหญ่ส่งรายงานนั้นพร้อมด้ยเอกสารหลักฐานประกอบทั้ง ๒ ชุด ไปยังกรมการศาสนาก่อนกำหนด ๖๐ วัน ถ้าพิจารณาไม่เห็นชอบด้วย หรือไม่เห็นสมควรก็ให้ระงับเสีย หรือจะสั่งการตามแต่จะเห็นสมควร
ข้อ ๑๐ เมื่อกรมการศาสนารับรายงานขอพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ตามข้อ ๙ แล้วให้ดำเนินการต่อไป หากเห็นว่ามีความจำเป็น อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบยังสถานที่นั้นอีกทางหนึ่งก่อนจะพิจารณาดำเนินการเสนอความเห็นไปยังสำนักราชเลขาธิการก็ได้
ข้อ ๑๑ เมื่อกรมการศาสนาได้รับแจ้งผลการขอพระราชทานจากสำนักราชเลขาธิการแล้ว ให้กรมการศาสนาแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับบัญชาทหารในท้องถิ่นนั้น (ถ้ามี) นมัสการเจ้าคณะใหญ่และเจ้าคณะภาคเพื่อทราบ และนมัสการเจ้าคณะจังหวัดเพื่อแจ้งเจ้าอาวาสผู้ขอพระราชทานทราบ
วัดที่ขอพระราชทานตามระเบียบนี้ จะดำเนินการโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ จนกว่าจะได้รับแจ้งผลการขอพระราชทานตามความในวรรคต้นก่อน
ประกาศ ณ วันที่ ๓ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๙
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
[1] ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๘๔ ตอนที่ ๖ : ๒๕ มิถุนายน ๒๕๓๙
Hits: 13