“หลมุขีฉันท์” เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุตโตทัย ท่านเรียกว่า “หลมุขีคาถา” จัดเป็นพรหมตีฉันท์ ฯ พรหมตีฉันท์ แปลว่า “ฉันท์ที่มีพยางค์มากกว่าอนุฏฐุภา” ฯ “หลมุขี” แปลว่า “คาถาที่มี ร คณะอันเหมือนคราดอยู่ในเบื้องหน้า” เป็นฉันท์ที่มี ๔ บาท ๆ ละ ๙ คำ มีสูตรว่า “รา นสา ยทิ หลมุขี” แปลความว่า “คาถาที่มี น คณะและ ส คณะ ต่อจาก ร คณะ ชื่อว่า “หลมุขี”
ในการบัญญัติฉันท์ไทยนั้น ท่านนำเอาสูตรดังกล่าวมาเป็นสูตร โดยกำหนดนำมาทั้ง ๔ บาท วางรูปตามเดิม เพราะมีบาทละ ๙ คำ จึงเรียกว่า “ฉันท์ ๙” แล้วเพิ่มสัมผัสเข้า คือ คำสุดท้ายของบาทแรกส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๓ ของบาทที่ ๒, คำสุดท้ายของบาทที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของบาทที่ ๓ และคำสุดท้ายของบาทที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยังคำที่พร้อมจะรับในฉันท์บทต่อไป มีแผนผังและตัวอย่างดังนี้

