กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕)

กฎมหาเถรสมาคม

ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕)

ว่าด้วยระเบียบการประชุมมหาเถรสมาคม *

———————-

         อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถรสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้

         ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้เรียกว่า กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ว่าด้วยระเบียบการประชุมมหาเถรสมาคม

         ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป

         ข้อ ๓ ตั้งแต่วันใช้กฎมหาเถรสาคมนี้ ให้ยกเลิก

              (๑) กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๖) ว่าด้วยระเบียบการประชุมมหาเถรสมาคม

              (๒) กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑ แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ศ. ๒๕๒๐)

         บรรดากฎ ข้องบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ หรือประกาศอื่นใด ในส่วนที่กำหนดไว้แล้วในกฎมหาเถรสมาคมนี้ให้ใช้กฎมหาเถรสมาคมนี้แทน

หมวดที่ ๑
บททั่วไป

         ข้อ ๔ การประชุมมหาเถรสมาคม มี ๒ อย่าง

              (๑) การประชุมปกติ

              (๒) การประชุมพิเศษ

         ข้อ ๕ การนัดประชุมมหาเถรสมาคม ต้องออกหนังสือนัดล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ วัน หากเป็นการด่วน จะนัดเร็วกว่านี้ หรือนัดโดยวิธีอื่นก็ได้

         ข้อ ๖ การนัดประชุมมหาเถรสมาคม ให้ส่งระเบียบวาระการประชุมด้วย เว่นแต่เป็นการด่วน

         ข้อ ๗ การตั้งระเบียบวาระการประชุม โดยปกติให้ตั้งตามลำดับ ดังนี้

              (๑) รับรองรายงานการประชุม

              (๒) เรื่องด่วน

              (๓) เรื่องอื่น ๆ

         ข้อ ๘ เมื่อประธานมีเรื่องที่จะแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ก่อนเริ่มปรึกษาตามระเบียบวาระก็ให้แจ้งต่อที่ประชุม แล้วดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระ เว้นแต่ที่ประชุมจะตกลงเป็นอย่างอื่นในคราวนั้น

         ข้อ ๙ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ให้เลขาธิการมหาเถรสมาคมทำรายงานการประชุม และเมื่อที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม หรือกรรมการมหาเถรสมาคมที่ได้เข้ปาระชุมในครั้งนั้นทุกรูปได้รับรองแล้ว ให้ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมลงนามไว้เป็นสำคัญ

         ข้อ ๑๐ เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งมิได้กำหนดไว้ในกฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ปฏิบัติตามมติของที่ประชุมมหาเถรสมาคม

หมวด ๒
การประชุม

         ข้อ ๑๑ การประชุมปกติ ได้แก่การประชุมตามวาระ ที่มหาเถรสมาคมกำหนดไว้เป็นการประจำ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคม

         ข้อ ๑๒ การประชุมพิเศษ ได้แก่การประชุมนอกจากวาระที่ได้กำหนดไว้เป็นการประจำ เพื่อพิจาณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามอำนาจหน้าที่

         ข้อ ๑๓ ร่างกฎมหาเถรสมาคม ร่างข้องบังคับ ระเบียบคำสั่ง หรือประกาศมหาเถรสมาคม ให้มีบันทึกหลักการและตุผลประกอบด้วย

         ให้เลขาธิการมหาเถรสมาคม ส่งร่างกฎมหาเถรสมาคม ร่างข้องบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศมหาเถรสมาคม แก่กรรมการมหาเถรสมาคมล่วงหน้าอย่างน้อย ๓ วัน ก่อนวันประชุม เว้นแต่เป็นการด่วน

         ข้อ ๑๔ ที่ประชุมจะต้องพิจารณาร่างกฎมหาเถรสมาคม ร่างข้อบังคับ คำสั่ง หรือประกาศมหาเถรสมาคมเป็น ๓ วาระ หรือจะพิจาณารวดเดียว ๓ วาระก็ได้

         ในการพิจารณาเป็น ๓ วาระนั้น ให้เลขาธิการมหาเถรสมาคมส่งร่างนั้นไปให้กรรมการมหาเถรสมาคมพิจาณาโดยละเอียดภายในเวลาซึ่งที่ประชุมกำหนด เว้นแต่ที่ประชุมจะตกลงเป็นอย่างอื่น

         กรรมการมหาเถรสมาคมรูปใด เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องใดก็ให้แก้ต่อประธานกรรมการมหาเถรสมาคม

         ข้อ ๑๕ ให้กรรมการมหาเถรสมาคมทำรายงานและบันทึกความเห็นพร้อมด้วยร่างเดิมและร่างที่แก้ไขเพิ่มเติม ยื่นต่อประธานกรรมการมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาในวาระที่ ๒ ต่อไป หรือจะเสนอด้วยวาจาในที่ประชุมก็ได้

         ข้อ ๑๖ ในการพิจารณาวาระที่๒ ให้ที่ประชุมพิจารณาเรียงตามลำดับข้อ เว้นแต่ที่ประชุมจะเห็นเป็นอย่างอื่น

         ในการนี้ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม จะอนุญาตให้ผู้ใดเข้าชี้แจงประกอบการพิจารณาหรือรับฟังการประชุมด้วยก็ได้

         ข้อ ๑๗ ในการพิจารณาวาระที่ ๓ ให้ที่ประชุมพิจารณาร่างที่ได้แก้ไขแล้วนั้นว่าสมควรจะตราเป็นกฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคำสั่ง หรืออกประกาศมหาเถรสมาคมหรือไม่ ถ้าที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบแล้ว ให้ดำเนินการเพื่อใช้บังคับต่อไป

         ข้อ ๑๘ การลงมติข้อปรึกษาในการประชุมมหาเถรสมาคม ถ้าข้อปรึกษานั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับการตีความพระธรรมวินัย เมื่อมีข้อสงสัยให้ตีความไปในทางรักษาพรธรรมวินัยโดยเคร่งคัด

         ถ้าข้อปรึกษานั้นเกี่ยวกับกิจการพระศาสนา ซึ่งมิได้บัญญัติไว้ในพระธรรมวินัยให้ถือเอาเสียงข้างมากเป็นประมาณ ถ้ามีจำนวนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมชี้ขาด หรือจะได้ระงับเรื่องนั้นไว้ก็ได้

              ตราไว้  ณ  วันที่  ๑๗  พฤศจิกายน  ๒๕๓๕

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปรินายก

ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


*  จากแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๘ ฉบับพิเศษ (๒) : ๒๕ พ.ย. ๓๕