ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง
พ.ศ. ๒๕๑๘*
————————–
ด้วยกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาเห็นว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกมีพระราชพระสงค์จะทรงยกย่องเชิดชูพระพุทธศาสนา ได้ทรงสร้างปฏิสังขรณ์พระอารามขึ้นเป็นจำนวนมาก วัดที่ทรงสร้างปฏิสังขรณ์เช่นนี้ เรียกว่า “พระอารามหลวง” นอกจากนี้วัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์ถ้าทรงพิจารณาเห็นสมควรยกย่องเป็นพิเศษ ก็ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง
แม้ในรัฐบาลระบบปัจจุบัน ก็ได้ยึดมั่นในนโยบายที่จะทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาและได้พิจารณาเห็นว่า การยกวัดที่ราษฎรสร้างขึ้นเป็นอารามหลวงก็เป็นนโยบายอันหนึ่งที่จะช่วยเชิดชูพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง และเป็นการสอดคล้องกับพระราชประเพณีอันมีมาแต่โบราณกาล ฉะนั้น เมื่อปรากฏว่าวัดใดที่สมควรจะได้รับเกียรติยกย่องเป็นพิเศษ ก็ขอพระราชทานยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงเพื่อส่งเสริมพระราชประเพณีหลักเกณฑ์ว่าด้วยการยกฐานะวัดขึ้นเป็นพระอารามหลวง จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง พ.ศ. ๒๕๑๘”
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกคำสั่งหรือระเบียบอื่นใดที่ขัดแย้งกับระเบียบนี้
ข้อ ๓ วัดที่สมควรขึ้นเป็นพระอารามหลวงนอกจากเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชหรือพระบรมวงศ์ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์ หรือทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือเป็นวัดที่รัฐบาลสร้างแล้วต้องประกอบด้วยลักษณะดังต่อไปนี้
๓.๑ เป็นวัดที่เป็นหลักฐาน โดยมีเสนาสนะถาวรหรือมีปูชนียวัตถุที่เป็นโบราณสถานหรือโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุ
๓.๒ เป็นวัดที่มีความปกครองเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เป็นหลักฐาน
๓.๓ เป็นวัดที่มีการพัฒนาและมีกิจกรรมี่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
๓.๔ มีพระสงฆ์จำพรรษาตั้งแต่ ๒๐ รูปขึ้นไปติดต่อกันเป็นเวลา ๕ ปี ถึงปีปัจจุบัน
๓.๕ เป็นวัดสำคัญของท้องถิ่น หรือเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาขอทางราชการเป็นประจำ หรือเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์
๓.๖ ต้องมีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป
ข้อ ๔ การขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อนายอำเภอ เจ้าคณะอำเภอพิจารณาเห็นสมควรขอยกวัดในท้องที่อำเภอนั้นขึ้นเป็นพระอารามหลวง ให้นายอำเภอรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมด้วยประวัติวัด แผนที่แสดงที่ตั้งวัด แผนผังแสดงสิ่งที่ปลูกสร้างและภาพถ่ายถาวรวัตถุของวัดตามแบบท้ายระเบียบนี้
เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดปรึกษาแจ้งเจ้าคณะเห็นสมควรแล้ว ให้รายงานไปยังกรมการศาสนา เมื่อกรมการศาสนาเห็นสมควร และได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดและเจ้าคณะใหญ่ให้รายงานกระทรวงศึกษาธิการเพื่อพิจารณานำเสนอมหาเถรสมาคม และเมื่อเถรสมาคมพิจารณาเห็นชอบแล้ว กระทรวงศึกษาธิการจะได้ดำเนินการขอพระราชทานยกวัดนั้นเป็นพระอารามหลวงต่อไป
เมื่อทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ แล้ว กระทรวงศึกษาธิการจะได้แจ้งความยกวัดนั้นขึ้นเป็นพระอารามหลวงในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ ๕ เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้กรมศาสนาขึ้นทะเบียนพระอารามหลวงแล้วแจ้งเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดและว่าราชการจังหวัดทราบ
ข้อ ๖ ให้อธิบดีกรมการศาสนารักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้กำหนดแบบรายงานการขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง เพื่อให้ปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบนี้
ข้อ ๗ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๑๘
(ลงชื่อ) นิพนธ์ ศศิธร
(นายนิพนธ์ ศศิธร)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
* จากแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๖๔ ตอนที่ ๔ วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๙
Views: 63