ระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๐๖

ระเบียบมหาเถรสมาคม

ว่าด้วยการร้องทุกข์ [1]

พ.ศ. ๒๕๐๖

————–

      อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และตามความในข้อ ๔๕ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๐๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ มหาเถรสมาคมวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

      ข้อ ๑ ระเบียบมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “ระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๐๖”

      ข้อ ๒ ระเบียบมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจาวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป

      ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบการร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๔๘๗

      ข้อ ๔ พระสังฆาธิการรูปใด ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษฐานละเมิดจริยา ถ้าเห็นว่าคำสั่งลงโทษนั้นไม่เป็นธรรม ประสงค์จะร้องทุกข์ ก็ให้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่ง

      ข้อ ๕ ในการร้องทุกข์นั้น ต้องทำเป็นคำร้องมีสำเนาหนังสือฉบับ ระบุสถานที่และวันเดือนปีที่ร้องทุกข์ ชี้แจงแสดงเหตุผลหรือข้อผิดถูก แล้วลงลายมือชื่อของผู้ร้องทุกข์นั้นพร้อมกับสำเนาคำสั่งลงโทษ ยื่นต่อผู้มีหน้าที่รับคำร้องทุกข์ดังกล่าว โดยให้ส่งผู้ผ่านสั่งลงโทษภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันทราบคำสั่งลงโทษ

      ข้อ ๖ เมื่อผู้มีหน้าที่รับคำร้องทุกข์ได้รับคำร้องทุกข์แล้ว ให้พิจารณาสั่งการตามควรแก่กรณี

      ถ้าเห็นว่า สมควรได้รับคำชี้แจงของผู้สั่งลงโทษประกอบการพิจารณาด้วย ให้สั่งสำเนาคำร้องทุกข์นั้นไปยังผู้สั่งลงโทษภายในกำหนด ๗ วัน นับแต่วันได้รับคำร้องทุกข์ เพื่อให้ชี้แจงในการสั่งลงโทษ เมื่อผู้สั่งลงโทษทำคำชี้แจงแล้ว ให้สั่งคำชี้นั้นไปยังผู้มีหน้าที่รับคำร้องทุกข์ พร้อมด้วยสำเนาเอกสารอื่น ๆ อันเกี่ยวกับการสั่งลงโทษ ซึ่งรับรองว่าถูกต้อง ถ้าจะพึงมีภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับสำเนาคำร้องทุกข์

      ข้อ ๗ เมื่อผู้มีหน้าที่รับคำร้องทุกข์ได้รับคำชี้แจงตามความในข้อ ๖ วรรค ๒ แล้วให้พิจารณาสั่งการต่อไป และถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรตั้งกรรมการพิจารณาก็ให้ตั้งกรรมการได้ไม่น้อยกว่า ๓ รูป และไม่เกิน ๕ รูป เพื่อพิจารณาเสนอความเห็น

      ข้อ ๘ ในการพิจารณาของคณะกรรมการนั้น จะเชิญบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำเพื่อประกอบการพิจารณาก็ได้

      ข้อ ๙ ในการพิจารณาสั่งการของผู้รับคำร้องทุกข์ตามความในข้อ ๖ วรรค ๑ ต้องพิจารณาสั่งการให้เสร็จภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องทุกข์

      ถ้ามีการสั่งให้ส่งคำชี้แจงของผู้สั่งลงโทษ ตามความในข้อ ๖ วรรค ๒ ต้องพิจารณาสั่งการให้เสร็จภายในกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องทุกข์

      แต่ถ้ามีการตั้งกรรมการพิจารณาตามความในข้อ ๗ ต้องพิจารณาสั่งการให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด ๖๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องทุกข์

      ข้อ ๑๐ ให้ผู้รับคำร้องทุกข์แจ้งผลการพิจารณาชี้ขาดแก่ผู้สั่งลงโทษและให้ผู้สั่งลงโทษลงโทษแจ้งแก่ผู้ร้องทุกข์ทราบภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันที่ตนได้รับคำสั่งแจ้งผลการพิจารณาชี้ขาดนั้น

      ข้อ ๑๑ ถ้าผู้รับคำร้องทุกข์พิจารณาสั่งการยืนตามคำสั่งของผู้สั่งลงโทษหรือเบากว่า ผู้ร้องทุกข์มีสิทธิ์ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งก็ได้ การพิจารณาสั่งการของผู้บังคับบัญชาชั้นนี้ เป็นที่สุด

      การยื่นคำร้องทุกข์ และการพิจารณาสั่งการตามความในวรรคต้น ให้นำความในข้อ ๕-๖-๗-๘ และข้อ ๙ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

      ข้อ ๑๒ การร้องทุกข์ตามระเบียบมหาเถรสมาคมนี้ ให้ถือว่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว จะร้องทุกข์แทนกันไม่ได้

ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๖

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ

สมเด็จพระสังฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


[1] จากแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่มที่ ๕๑ ภาค ๑๒ ตอนที่ ๒ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๖