คำสั่งมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการปลูกต้นไม้ในที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๒๐

คำสั่งมหาเถรสมาคม

ว่าด้วยการปลูกต้นไม้ในที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์

พ.ศ. ๒๕๒๐ [1]

——————

      อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มหาเถรสมาคมออกคำสั่งมหาเถรสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้

      ข้อ ๑ คำสั่งนี้ เรียกว่า “คำสั่งมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการปลูกต้นไม้ในที่วัดหรือธรณีสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๒๐

      ข้อ ๒ คำสั่งมหาเถรสมาคมนี้  ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป

      ข้อ ๓ ให้วัดทั้งหลายซึ่งมีพื้นที่ว่างสมควรจะปลูกต้นไม้ได้ จัดการควบคุมให้ไวยาวัจกรกัปปิยการก หรือคฤหัสถ์อื่นใด ปลูกต้นไม้ในที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์แล้วแต่กรณี

      ข้อ ๔ ประเภทต้นไม้ที่จะนำมาปลูก กำหนดให้ไว้พอเป็นตัวอย่างดังนี้

             (๑) ไม้เนื้อแข็ง เช่น ต้นสัก ต้นเต็ง ต้นรัง ต้นยาง ฯลฯ

             (๒) ไม้ร่มเงา เช่น ต้นไทร ต้นสะตือ ฯลฯ

            (๓) ไม้ดอก ยืนต้น

             (๔) ไม้พุ่ม

             (๕) ไม้ก่อ หมายถึงก่อไผ่

      ข้อ ๕ ลักษณะการปลูกต้นไม้ แยกลักษณะเป็น

             (๑) ปลูกเป็นแนวเขตวัด เช่น ไม้เนื้อแข็ง

             (๒) ปลูกเป็นกลุ่มหรือเป็นหมู่

             (๓) ปลูกเรียงต้น

             (๔) ปลูกเฉพาะต้น

      ข้อ ๖ กล้าไม้ที่จะนำมาปลูก อาจได้มาจาก

            (๑) การขอทางราชการ

             (๒) การขอจากเอกชนหรือสถานที่อื่น ๆ

             (๓) การเพาะหรือการตอนเป็นต้นของวัด

      ข้อ ๗ ในที่ธรณีสงฆ์ หากทางวัดเห็นควรจะปลูกต้นไม้ เพราะไม่เหมาะสมที่จะจัดให้เกิดผลประโยชน์อื่นได้ดีกว่า ย่อมจะกระทำได้ โดยอนุโลมตามความในข้อ ๔-๕-๖ ดังกล่าวข้างต้น

      ข้อ ๘ ให้วัดทั้งหลายเริ่มปฏิบัติได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๒๐ เป็นต้นไป จะปลูกต้นไม้ประเภทใดในลักษณะใด สุดแต่ทางวัดจะพิจารณาเอง หรือตามคำแนะนำของเจ้าคณะผู้บังคับบัญชา

      อนึ่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ หากทางวัดไม่อาจปลูกต้นไม้ลงในพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้ว่าจะปลูกเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง ให้จัดการปลูกในปีต่อไป จนกว่าจะครบตามที่วัดกำหนดไว้

      เมื่อต้นไม้ที่ปลูกไว้ตายลง ให้มีการปลูกแทน จะเป็นต้นไม้ประเภทเดิมหรือต่างประเภทก็ได้

      ข้อ ๙ เมื่อปลูกต้นไม้ประเภทใดไว้ เป็นไม้ชนิดใด จำนวนเท่าใด และเมื่อวัน เดือน ปีใด ให้วัดจัดทำบันทึกเก็บไว้ที่วัด เพื่อเป็นประวัติต่อไป

      ข้อ ๑๐ เมื่อสิ้นปีแล้ว ให้วัดจัดทำบัญชีแจ้งชนิดไม้ และจำนวนไม้นำส่งเจ้าคณะตามลำดับจนถึงเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัด ภายในเดือนมกราคมของปีถัดมา และให้เจ้าคณะภาคจัดทำบัญชีรวมชนิดไม้ และจำนวนไม้แต่ละจังหวัดแจ้งเลขาธิการมหาเถรสมาคมภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคม ตามตัวอย่างบัญชีแสดงรายการ

      ข้อ ๑๑ ในปีต่อไป จาก พ.ศ. ๒๕๒๐ หากวัดได้ปลูกต้นไม้เพิ่มเติมหรือปลูกแทนต้นไม้ที่ตายให้วัดและเจ้าคณะปฏิบัติตามข้อ ๑๐ โดยอนุโลม เว้นแต่จะมิได้มีการปลูกเพิ่มเติมหรือปลูกแทน

      ข้อ ๑๒ เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จะคอยตักเตือนชี้แจงแนะนำตลอดถึงการช่วยเหลือตามสมควร เพื่อให้วัดทั้งหลายภายในสังกัดได้ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ตามกำลังสามารถ

      ข้อ ๑๓ ย่อมเป็นการชอบในที่วัดทั้งหลาย จะให้ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล โดยชี้แจงแนะนำสนับสนุนให้ประชาชนเห็นคุณค่า และมีความรักต้นไม้ กับทั้งรักในการที่จะปลูกต้นไม้ในที่ดินของตนที่พอจะปลูกได้ และเป็นการสมควรอย่างยิ่ง ที่จะได้ชี้แจงแนะนำสนับสนุนประชาชน ในเขตหมู่บ้านหรือในตำบลนั้น ๆ เพื่อให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นเขตบ้านเขตวัดพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ป่า

      ข้อ ๑๔ วัดใดมีกำลังสามารถ เห็นประชาชนมีความต้องการกล้าไม้บางอย่างควรช่วยเหลือเกื้อกูลให้ประชาชนได้กล้าไม้นั้นตามต้องการ โดยจะจัดให้มีกล้าไม้ขึ้นในวัดเพื่อแจกจ่ายหรือจะช่วยเหลือโดยประการอื่นสุดแต่ความเหมาะสม

      ข้อ ๑๕ ให้เจ้าคณะภาคเจ้าสังกัด รักษาการให้เป็นไปตามคำสั่งนี้

ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ

สมเด็จพระสังฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


[1] ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๖๖ ตอนที่ ๗ :   ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๐