ประกาศคณะสงฆ์
เรื่องรับรองวิทยฐานะของนักธรรมหรือเปรียญ
ผู้บวชใหม่เข้าสู่ฐานะเดิม[1]
———-
ด้วยวิธีปฏิบัติทางคณะสงฆ์แต่เดิมมา ถือว่านักธรรมหรืเปรียญ เมื่อลาสิกขาไปแล้ว วิทยฐานะนักธรรมหรือเปรียญก็เป็นอันพ้นไปจากทางคณะสงฆ์ เมื่อกลับมาบวชใหม่ วิทยฐานะนักธรรมหรือเปรียญนั้น หาอาจได้รับความรับรองจากทางคณะสงฆ์อีกไม่ จำต้องเริ่มต้นศึกษาสอบใหม่ วิธีการเช่นนี้ ไม่สอดคล้องต้องด้วยนโยบายศาสนศึกษาของคณะสงฆ์ให้ซึ่งมุ่งจะส่งเสริมและบำรุงการศาสนศึกษาให้ไพศาล และขัดต่อเหตุผลข้อเท็จจริงทั้งทางคดีโลกและธรรม ฐานะของบุคคลย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้แต่วิทยฐานะย่อมคงที่ แม้ผู้ทรงวิทยฐานะจะอยู่ในภาวะเช่นไรก็ตามที ด้วยเหตุนี้ เพียงแต่นักธรรมหรือเปรียญเปลี่ยนภาวะจากพระภิกษุสามเณรมาเป็นคฤหัสถ์ จะถือเป็นเหตุไม่รับรู้วิทยฐานะ และกำหนดให้ต้องเริ่มต้นศึกษาในเมื่อกลับมาบวชใหม่นั้น จึงหาควรแก่เหตุไม่ ในทางราชการ ก็ปรากฏว่าคงรับรองวิทยฐานะของนักธรรมและเปรียญคฤหัสถ์ด้วยดี
อาศัยเหตุนี้ จึงให้ยกเลิกวิธีปฏิบัติไม่รับรองวิทยฐานะเดิมของนักธรรมหรือเปรียญผู้บวชใหม่ และให้ถือว่านักธรรมหรือเปรียญใด ๆ ก็ตาม เมื่อลาสิกขาแล้วและกลับมาบวชใหม่ ให้คงดำรงวิทยฐานะเท่าที่มีอยู่ในขณะที่ลาสิกขานั้นทุกประการ ถ้านักธรรมหรือเปรียญผู้นั้น ยังศึกษาไม่จบหลักสูตรสูงสุดทางธรรมหรือเปรียญ และประสงค์จะเข้าสอบไล่ในสนามหลวงต่อจากประโยคเดิม ก็ให้ได้รับสิทธิสอบต่อไปได้ ให้กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติการให้เป็นไปตามประกาศคณะสงฆ์นี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศมา ณ วันที่ ๓๑ ตุลามคม พุทธศักราช ๒๔๘๔
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
ผู้บัญชาการคณะสงฆ์
แทนพระองค์สมเด็จพระสงฆราช
[1] จากแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๒๙ ภาค ๑ : เมษายน ๒๔๘๔