ตอนที่ ๔ วิธีถอดถอนพระสังฆาธิการ

ตอนที่ ๔

วิธีถอดถอนพระสังฆาธิการ

—————-

        อันการถอดถอนพระสังฆาธิการจากตำแหน่งหน้าที่   เป็นบทบัญญัติเพื่อลงโทษแก่พระสังฆาธิการผู้ละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง  แม้ข้อใดข้อหนึ่ง  ตามความในข้อ ๕๔ แห่งกฎมหาเถรสมาคม  ฉบับที่ ๒๔   (พ.ศ. ๒๕๔๑)     ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ไว้  ๕  คือ.-

          ทุจริตต่อหน้าที่

          ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเกินกว่า  ๓๐ วัน

          ขัดคำสั่งอันชอบด้วยการคณะสงฆ์ และการขัดคำสั่งนั้น    เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่การคณะสงฆ์

          ประมาทเลินเล่อในหน้าที่    เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแก่การคณะสงฆ์

          ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

        ทั้ง ๕ นี้ เป็นหลักเกณฑ์ให้ดำเนินการถอดถอนพระสังฆาธิการ  ส่วนวิธีการปฏิบัตินั้น  พอแยกกล่าวได้ดังนี้

          ให้ผู้บังคับบัญชารายงานความผิดต่อผู้มีอำนาจแต่งตั้ง

          ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งสอบสวน

          . เมื่อได้ความจริงตามรายงานแล้ว   ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งสั่งถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่ได้

        ข้อสังเกต  พระสังฆาธิการละเมิดจริยาอย่างร้ายแรงข้อใดข้อหนึ่งแล้ว มิใช่จะพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ทันที ต่อเมื่อผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามวิธีดังกล่าว  และได้สั่งถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่แล้ว จึงจะพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ 

การสอบสวนนั้น จะทำการเองหรือจะตั้งกรรมการสอบสวนเสนอความเห็นก็ได้ ถ้าตั้งกรรมการสอบสวน   กรรมการย่อมมีหน้าที่เพียงสอบสวนเสนอความเห็นเท่านั้น ผู้มีอำนาจแต่งตั้งต้องพิจารณาชี้ขาดเอง  และผลของการพิจารณาย่อมปรากฏอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

        ได้กระทำความผิด

               ๑.๑  อย่างร้ายแรง   (ลงโทษถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่)

               ๑.๒  อย่างไม่ร้ายแรง  แต่ถ้าจะให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอาจเสียหายแก่การคณะสงฆ์   (ลงโทษปลดจากตำแหน่งหน้าที่)

                ๑.๓  อย่างร้ายแรงแต่มีเหตุที่ผู้บังคับบัญชาเห็นควรปรานี     จะให้ดำรงตำแหน่งต่อไป  ก็ไม่เสียหายแก่การคณะสงฆ์   (ลงโทษตำหนิโทษ)

                ๑.๔  อย่างไม่ร้ายแรง ไม่มีเหตุที่ผู้บังคับบัญชาเห็นควรปรานี จะให้ดำรงตำแหน่งต่อไป  ก็ไม่เสียหายแก่การคณะสงฆ์   (ลงโทษตำหนิโทษ)

                ๑.๕  อย่างไม่ร้ายแรงและมีเหตุที่ผู้บังคับบัญชาเห็นควรปรานี    (ลงโทษภาคทัณฑ์)

          มิได้กระทำความผิด แต่มีมลทินหรือมัวหมอง   ถ้าให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอาจเสียหายแก่การคณะสงฆ์   (ลงโทษปลดจากตำแหน่งหน้าที่)

          มิได้กระทำความผิดและไม่มีมลทินความผิดเลย  (จะลงโทษใด ๆ มิได้ แม้ได้สั่งพักจากหน้าที่ไว้ก่อน ก็ต้องสั่งให้กลับดำรงตำแหน่งเดิม)

        เมื่อได้ลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องรีบรายงานผู้บังคับบัญชาเหนือตนทราบ จะลงโทษแล้วเก็บเรื่องเสียมิได้

        อนึ่ง  ยังมีกรณีอื่นที่ให้ถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่ได้ คือ 

                   ถูกตำหนิโทษและยังอยู่ในระหว่าง   ละเมิดจริยาในกรณีเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันซ้ำอีก

                   กรณีที่ร้องทุกข์   แต่ปรากฏว่าเป็นการร้องทุกข์เท็จ

                   ถูกระงับหน้าที่พระอุปัชฌาย์ตามข้อ ๒๕  หรือตามข้อ ๓๓ ()  หรือถูกให้พักหน้าที่พระอุปัชฌาย์ตามข้อ๓๔ วรรค๓ แห่งกฎ ๑๗ หากฝ่าฝืนให้บรรพชา-อุปสมบท

                   ถูกลงโทษตามข้อ๓๓ () แห่งกฎ ๑๗  แล้วไม่เข็ดหลาบ ละเมิดซ้ำอีก