ตอนที่ ๓
วิธีแต่งตั้งพระสังฆาธิการชั้นเจ้าคณะ
—————-
อันพระสังฆาธิการชั้นเจ้าคณะ ซึ่งหมายถึง รองเจ้าคณะตำบลถึงเจ้าคณะใหญ่ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในเขตปกครองคณะสงฆ์ ทั้งโดยตรงและโดยการมอบหมายอำนาจหน้าที่ นับว่าเป็นผู้มีความสำคัญต่อการคณะสงฆ์และการพระศาสนาและเป็นกำลังที่สำคัญของมหาเถรสมาคม ดังนั้น มหาเถรสมาคมจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งไว้เป็นชั้น ๆ มีข้อควรศึกษาดังนี้
๑. คุณสมบัติทั่วไป ตามความในข้อ ๖ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔
๒. คุณสมบัติโดยเฉพาะ
๒.๑ ชั้นหน ตามความในข้อ ๗
๒.๒ ชั้นภาค ตามความในข้อ ๑๐
๒.๓ ชั้นจังหวัด ตามความในข้อ ๑๔
๒.๔ ชั้นอำเภอ ตามความในข้อ ๑๘
๒.๕ ชั้นตำบล ตามความในข้อ ๒๒
๓. ผู้คัดเลือกเสนอ ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด
๔. ผู้แต่งตั้ง
๔.๑ ชั้นหน, ชั้นภาค – ชั้นจังหวัด – สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม
๔.๒ ชั้นอำเภอ เจ้าคณะภาคแต่งตั้งโดยอนุมัติของเจ้าคณะใหญ่
๔.๓ ชั้นตำบล
๔.๓.๑ กรณีตามปกติ เจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้ง
๔.๓.๒ กรณีที่ขาดคุณสมบัติ เจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้งโดยอนุมัติของเจ้าคณะภาค
ข้อสังเกต
คุณสมบัติเฉพาะของผู้จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่นั้น กำหนดตายตัว มิได้ให้ผ่อนผัน ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
คุณสมบัติของผู้จะดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะตำบลถึงเจ้าคณะภาคที่กำหนดโดยชัดเจนขาดมิได้เฉพาะใน (๑) แห่งข้อนั้น ๆ คือ พรรษาขาดมิได้ ส่วนใน (๒) (๓) หรือ (๔) หากหาไม่ได้ หรือได้แต่ไม่เหมาะสม ให้พิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณีโดยต้องขออนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติก่อนจึงค่อยแต่งตั้ง
วิธีปฏิบัติ
ให้ผู้มีอำนาจคัดเลือกพิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติ เสนอตามลำดับ เพื่อผู้มีอำนาจแต่งตั้งพิจารณาแต่งตั้ง การแต่งตั้งต้องแต่งตั้งพระภิกษุตามเสนอนั้น อย่าแต่งตั้งผู้ไม่ถูกคัดเลือกเสนอ แม้จะมีผู้เสนอก็อย่าแต่งตั้งพระภิกษุผู้ขาดคุณสมบัติ เว้นแต่ได้รับการพิจารณาผ่อนผันเฉพาะกรณี ให้ออกคำสั่งแต่งตั้งและมีตราตั้ง มิใช่แต่งตั้งด้วยวาจา เมื่อแต่งตั้งแล้วต้องรายงานการแต่งตั้งต่อผู้บังคับบัญชาเหนือตนและแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อการทะเบียนและการอุปถัมภ์ และแจ้งผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อการปฏิบัติงานร่วมกัน เฉพาะการแต่งตั้งเจ้าคณะตำบลและรองเจ้าคณะตำบล หากจะแจ้งเจ้าคณะภาคเพื่อรับทราบและขอให้เจ้าคณะภาคแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วยก็ได้ เมื่อแต่ง ตั้งเสร็จอย่าเก็บเรื่องเฉยเสีย เพราะการรายงานผู้บังคับบัญชาเหนือ ก็เพื่อให้ผู้บังคับ บัญชาได้ตรวจการปฏิบัติและรับรองความถูกต้อง การแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็เพื่อการ ทะเบียนและการอุปถัมภ์ จึงมีข้อกำหนดให้แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติภายใน ๓๐ วัน การแต่ง ตั้งแล้วไม่รายงานผู้บังคับบัญชาก็ดี ไม่แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี ย่อมเป็นการละเมิดจริยาฐานไม่เอื้อเฟื้อต่อกฎมหาเถรสมาคม ย่อมมีความผิดโดยแท้ ข้อนี้ต้องสังวร