บทที่ ๖
การดำเนินกิจการคณะสงฆ์
—————————–
ในบทนี้ ขอกำหนดการดำเนินกิจการคณะสงฆ์เป็นแม่บท เพราะเห็นว่า พระสังฆาธิการและเลขานุการ เป็นศูนย์รวมงานการคณะสงฆ์และการพระศาสนาทุกอย่าง ทั้งที่ระบุไว้ในระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ทั้งที่มิได้ระบุไว้ พระสังฆาธิการและเลขานุการ จึงจำต้องศึกษาวิธีดำเนินกิจการเกี่ยวกับการคณะสงฆ์และการพระศาสนา ให้เข้าใจโดยละเอียดและถูกต้องชัดเจน
อันการปกครองคณะสงฆ์หรือสังฆมณฑลนั้น ยึดพระธรรมวินัยเป็นหลักชั้นอุดม- การณ์ และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์เป็นหลักจัดรูปแบบและระเบียบการปกครอง โดยทางราชอาณาจักรได้ตราพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ให้จัดรูปแบบการปกครองระดับต่าง ๆ และในพระราชบัญญัติ ได้ให้อำนาจจัดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินกิจการคณะสงฆ์และการพระศาสนาไว้ตามความเหมาะสม แต่มิให้ขัดหรือแย้งกับพระธรรมวินัยและกฎหมาย เพราะจุดยืนของคณะสงฆ์คือพระธรรมวินัยและกฎหมาย ดังนั้น จึงมีบท บัญญัติเพื่อการดำเนินกิจการคณะสงฆ์ในรูปแบบต่าง ๆ มี กฎมหาเถรสมาคม กฎ กระทรวง และบทบัญญัติอื่น
อนึ่ง กฎหมายที่ให้อำนาจจัดระบบการปกครองนั้น ได้กำหนดให้ถือว่าผู้ปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกร เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา โดยชัดแจ้ง พระสังฆาธิการทุกรูป จึงต้องมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานเหมือนกับข้าราชการของแผ่นดินอีกส่วนหนึ่งด้วย และการปฏิบัติหน้าที่ของพระสังฆาธิการทุกระดับ ต้องเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักนิติธรรม ต้องยึดความถูกต้อง สะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม เป็นหลักการจะเป็นเช่นนั้นได้ ต้องอาศัยความรู้ความฉลาดและความสามารถเป็นเครื่องมือ ดังนั้น พระสังฆาธิการและเลขานุการต้องศึกษาต้องทบทวนให้เกิดความเข้าใจตามลำดับ ให้เข้าใจในความเฉพาะบทและแนวปฏิบัติได้อย่างชัดเจน
ในบทนี้จะถอดความจากตัวบทนั้น ๆ เฉพาะที่เป็นหลักเกณฑ์และวิธีการที่ควรทราบมาเรียนถวายเป็นแนวปฏิบัติ โดยจะเน้นหลักเกณฑ์แต่ละอย่างและวิธีปฏิบัติเป็นจุดสำคัญ และบางเรื่องชี้พอเป็นแนวทาง บางเรื่องจักทำตัวอย่างประกอบให้ชัดเจน โดยจะยึดการคณะสงฆ์และการพระศาสนา ตามความในพระราชบัญญัติและกฎมหาเถร-สมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ มาเป็นหลักยืน การคณะสงฆ์และการพระศาสนาดังกล่าวนั้น แยกตามลักษณะเป็น ๗ การ คือ
๑) การรักษาความเรียบร้อยดีงาม (การปกครอง)
๒) การศาสนศึกษา
๓) การศึกษาสงเคราะห์
๔) การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
๕) การสาธารณูปการ
๖) การสาธารณสงเคราะห์
๗) การนิคหกรรม
ในบทนี้ จักนำการทั้ง ๗ นำมาเป็นบทเรียนตามลำดับ โดยจะเน้นให้ชัดเจนเฉพาะที่เห็นว่าอำนวยประโยชน์แก่พระสังฆาธิการและเลขานุการในส่วนภูมิภาคเป็นสำคัญ และกำหนดแบ่งเป็นบทเรียนเป็นส่วนและแยกจากส่วนเป็นตอน บางส่วนหรือบางตอนจะกล่าวถึงเพียงโครงสร้าง บางส่วนและบางตอนจะเรียนถวายรายละเอียดแห่งวิธีปฏิบัติโดยชัดเจน พอจะถือเป็นแนวปฏิบัติงานคณะสงฆ์ตามอำนาจหน้าที่ได้ ดังจะเรียนถวายต่อไป
- ส่วนที่ ๑ เขตปกครองคณะสงฆ์ส่วนกลาง
- ส่วนที่ ๒ เขตปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาค
- ส่วนที่ ๓ การแต่งตั้งผู้ปกครองคณะสงฆ์
- ส่วนที่ ๔ การแต่งตั้งผู้ปกครองวัด
- ส่วนที่ ๕ การพ้นจากตำแหน่ง พระสังฆาธิการและไวยาวัจกร
- ตอนที่ ๑ วิธีขอลาออกจากตำแหน่ง
- ตอนที่ ๒ วิธียกพระสังฆาธิการเป็นกิตติมศักดิ์
- ตอนที่ ๓ วิธีให้พระสังฆาธิการ ออกจากตำแหน่งหน้าที่
- ตอนที่ ๔ วิธีถอดถอนพระสังฆาธิการ
- ตอนที่ ๕ วิธีให้พระสังฆาธิการพัก และปลดจากตำแหน่งหน้าที่
- ตอนที่ ๖ วิธีตำหนิโทษและภาคทัณฑ์
- ตอนที่ ๗ วิธีร้องทุกข์
- ตอนที่ ๘ วิธีทัดทานคำสั่ง
- ตอนที่ ๙ วิธีให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดราษฎร์พ้นจากหน้าที่
- ตอนที่ ๑๐ วิธีให้เลขานุการเจ้าคณะ และเลขานุการรองเจ้าคณะพ้นจากหน้าที่
- ตอนที่ ๑๑ วิธีให้ไวยาวัจกรพ้นจากตำแหน่งหน้าที่
- ส่วนที่ ๖ การมอบหมายอำนาจหน้าที่ และส่งมอบงาน
- ส่วนที่ ๗ งานในหน้าที่พระอุปัชฌาย์ และงานทะเบียน
- ตอนที่ ๑ วิธีปฏิบัติก่อนให้บรรพชาอุปสมบท
- ตอนที่ ๒ วิธีนับอายุอุปสัมปทาเปกข์
- ตอนที่ ๓ วิธีตั้งฉายาอุปสัมปทาเปกข์
- ตอนที่ ๔ วิธีออกหนังสือสุทธิ
- ตอนที่ ๕ วิธีออกหนังสือสุทธิแทนหนังสือสุทธิเดิม
- ตอนที่ ๖ วิธีฝากสัทธิวิหาริกเข้าอยู่วัดอื่น
- ตอนที่ ๗ วิธีทำและส่งบัญชีสัทธิวิหาริก
- ตอนที่ ๘ วิธีทำทะเบียนสัทธิวิหาริก
- ตอนที่ ๙ วิธีทำทะเบียนพระภิกษุสามเณรและศิษย์วัด
- ส่วนที่ ๘ วิธีควบคุมและส่งเสริมการวัด
- ส่วนที่ ๙ การจัดศาสนสมบัติของวัด
- ส่วนที่ ๑๐ สมณศักดิ์